วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Homework2

<?php
$sql ="select * from student order by id asc ";
$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error());
$num=mysql_num_rows($query);
echo $num;
?>
จงอธิบายคำสั่งแต่ละบรรทัดต่อไปนี้ ในบทความผ่านบล๊อกของนักเรียน

<?php
$sql ="select * from student หมายถึง เลือกตาราง student

order by id asc "; หมายถึง เรียงลำดับ id
จากน้อยที่สุดไปยังลำดับที่มากที่สุด

$query=mysql_query($sql) คือ ใช้ในการส่งMySQL query ให้ server ประมวลผล

die(mysql_error()); ใช้ตรวจสอบว่า error หรือปล่าว

$num=mysql_num_rows($query); หาจำนวนแถว

echo $num; แสดงข้อความ
?>

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

HomeWork

<?php echo 'SCORE'; $score=87; if($score<50){echo 'grade 0';} else if($score<55){echo 'grade 1';} else if($score<60){echo 'grade 1.5';} else if($score<65){echo 'grade 2';} else if($score<70){echo 'grade 2.5';} else if($score<75){echo 'grade 3';} else if($score<80){echo 'grade 3.5';} else {echo 'grade 4';}?>

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

บอกนิสัยจากกรุ๊ปเลือด


   บอกนิสัยจากกรุ๊ปเลือด   



  •  คนกรุ๊ปเลือดเอ ผู้ไม่ชอบทะเลาะกับใคร อันบุคคลที่มีเลือดกรุ๊ป เอ นั้น เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จึงไม่ค่อยโต้เถียง หรือแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับใคร เพราะเชื่ออยู่เสมอว่าความคิดของตนถูกต้องแล้ว จึงไม่ต้องไปขอความคิดเห็นจากใครอีก แต่ยังดีที่คนกรุ๊ปเลือด เอ ส่วนมากจะเป็นคนเอาใจเก่งเห็นใจ และตามใจคนอื่นเสมอ ดังนั้นโอกาสที่จะพบว่าเขาไปทำให้ขุ่นข้องหมองใจนั้นจึงไม่ค่อยได้ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก แต่คนกรุ๊ปเลือด เอ ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่เป็นคนขาดความคิดริเริ่ม ซึ่งหากเป็นชายที่บังเอิญได้หญิงฉลาด ทำงานเก่ง มาเป็นคู่ครอง ฝ่ายหญิงจะรู้สึกผิดหวังในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สำหรับชาวกรุ๊ปเลือด เอ ที่เป็นหญิงแล้ว ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็อาจจะเป็นผลดีสำหรับเธอ เพราะทำให้เธอกลายเป็นแม่ศรีเรือน ถนัดในการดูแลบ้านช่อง ปรนนิบัติสามี อบรมบุตรหลาน เรียกว่า เพียบพร้อมคุณสมบัติของความเป็นแม่บ้าน นั่นแหละ แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง สำหรับหญิงเลือดกรุ๊ป เอ นั่นก็คือ ในเวลาที่หัวใจของเธอมีความรักนั้น เธอจะรักชนิดทุ่มเทให้หมด ทั้งสี่ห้องหัวใจเลยทีเดียว แต่ถ้าเมื่อใดที่น้ำผึ้งเปลี่ยนรสจากหวานกลายเป็นขม เธอก็พร้อมที่จะสลัดคุณออกไปจากหัวใจ อย่างคนที่มีความเข้มแข็ง เพราะสำหรับเธอแล้ว ให้เจ็บปวดปางตายเสียยังจะดีกว่าต้องมางอนง้อ ขอให้ใครเมตตาสงสารนอกจากเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแล้ว สตรีเลือดกรุ๊ป เอ ยังเป็นคนที่รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวชนิดสาวสวยสมัยใหม่อยู่เสมอ แถมยังมีรสนิยมดีซะด้วย คือ สวยอย่างคนมีระดับ


  1. คนกรุ๊ปเลือด บี มีนิสัยร่าเริงเป็นสัญลักษณ์ ตามตำราท่านว่า ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป บี นั้น จะเป็นบุคคลที่พร้อมจะหัวเราะได้ทุกเวลา เพราะมีนิสัยร่าเริง รักอิสรเสรี ตามใจตัวเอง ไม่แคร์ต่อสายตาประชาชี ใครจะหมั่นไส้ ใครจะค้อนก็ช่าง ฉันพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม เพราะฉะนั้น คนกรุ๊ปเลือดบี จึงชอบทำงานประเภท "วันแมนโชว์" คือไม่นิยมเข้าหุ้นกับใคร ลักษณะนิสัยของคนกรุ๊ปเลือดบี นั้นสามารถจะเป็นศิลปิน นักประพันธ์ หรือผู้สื่อข่าวที่ประสบความสำเร็จได้ หรือหากจะทำงานในองค์การใหญ่ โอกาสเป็นผู้บริหารก็มีมาก ทั้งนี้ก็เพราะเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจกว้าง และกล้าแสดงความคิดเห็น อย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด ผู้ชายในกรุ๊ปเลือดบี จะเป็นคนประเภท สังคมเก่ง มีเพื่อนหญิงเป็นโหล ๆ แต่อย่าคิดว่า เขาเป็นคนไม่จริงจังกับความรักล่ะ เขาจริงจังมาก แต่เสียนิดเดียว คือเขาจะจริงจังไปหมดเสียทุกคน นี่สิถึงจะเป็นปัญหา ส่วนผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ปบีนั้น ก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน คือ หัวใจไม่เคยว่าง ชอบเข้าสังคม ไม่แคร์เสียงนกเสียงกา แต่ถ้าเธอลองปักใจรักใครเข้าสักคนละก็ ใจเธอจะแน่วแน่มั่นคง ไม่มีวันเสื่อมคลายเชียวหล่ะ แต่แย่หน่อยนะ ตรงที่เธอเป็นคนชอบเพ้อฝัน รักความหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของขนบธรรมเนียมประเพณีเท่าใดนัก แถมเป็นคนเอาอะไรก็จะเอาให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไร เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่บางครั้งเจ้าหล่อนจะถึงขั้นขายเพื่อน หรือไม่ก็ขายตนเอง เพียงเพื่อยกตัวเองให้ไปถึงจุดสุดยอดตามที่ต้องการ


  • คนกรุ๊ปเลือด โอ บุคคลผู้มีความสุขุมเยือกเย็น อันที่จริงนิสัยทั่วไปของคนกรุ๊ปเลือด โอ ก็คล้ายนิสัยของผู้ชายทั่ว ๆ ไปนั่นแหละคือมีความสุขุมรอบคอบ ตัดสินใจด้วยเหตุผล เชื่อมั่นสมองมากกว่าหัวใจ ไม่ชอบเพ้อฝัน และค่อนข้างไปทางวัตถุนิยมหน่อย ๆ ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป โอ จึงมักเป็นบุคคล ที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน แถมหน้าที่การงาน ก็มักจะดีเป็นพิเศษซะด้วย เช่น เป็นทนายความ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรืออะไรก็ตามที่มีความมั่นคงมาก ๆ โดยปกติแล้ว คนกรุ๊ปเลือด โอ เป็นคนไม่ค่อยมีจินตนาการเท่าใดนัก ความคิดความอ่าน ตลอดจนการกระทำของพวกเขา จะตั้งอยู่บนรากฐาน ของความจริงเสมอ คือถ้าตาไม่ได้เห็น มือไม่ได้จับละก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมเชื่อ และคงเพราะเหตุนี้กระมัง พวกเขาจึงสามารถสร้างครอบครัวได้เป็นปึกแผ่น ไม่เหลวเป็นน้ำ เหมือนพวกชอบฝันกลางแดด แม้ว่าจะเป็นคนเค็มนิด ๆ ก็เถอะ แต่คนกรุ๊ปเลือด โอ ก็มีนิสัยโอบอ้อมอารี รักเพื่อนพ้อง เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นกำลังสำคัญ ของหน่วยงาน และเป็นที่รักใคร่ โปรดปรานของเจ้านาย ส่วนหญิงที่มีเลือดกรุ๊ป โอ นั้น ก็เป็นคนที่จริงจังต่อชีวิตและความรัก ยินดีต่อการได้เป็นภรรยาและแม่เพราะเธอมีความคิดที่จะอุทิศร่างกาย และวิญญาณเพื่อคนที่เธอรักอยู่แล้ว เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อย่าเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงกรุ๊ปเลือด โอ จะใจง่าย มอบกายให้ใครเชยชมง่าย ๆ ตรงกันข้าม เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัวจนบางครั้งถูกหาว่าโบราณคร่ำครึด้วยซ้ำ แต่ถ้าชายที่มารักเธอนั้น มีความเข้าใจ และหัวเก่าพอ ๆ กับเธอละก็ เขาจะเป็นคนที่โชคดีทีเดียวล่ะ ที่ได้หญิงที่มีความรักความจริงใจ อย่างเธอไปเป็นคู่ครอง


  • AB คนกรุ๊ปเลือด เอบี คนที่ไม่มีความแน่นอน เวลาจะให้คนที่มีกรุ๊ปเลือด เอบี ตัดสินใจอะไรสักอย่าง เขามักจะทำให้เราผิดหวัง หรือไม่เข้าใจในตัวเขา อยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็เพราะคนเลือดกรุ๊ป เอบี นั้น เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหว คิดมาก หรือไม่ก็คิดไกลจนคนอื่นตามไม่ทัน เป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดไม่อาจเดาใจได้ถูก คนกรุ๊ปเลือด เอบี เป็นคนแปลก เวลาที่ประสบความสำเร็จ เขาจะผยองลำพอง โอ้อวดความสามารถของตนไปทั่ว แต่ถ้าพบกับความผิดหวังแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะกลับกลายเป็นคนละคน ปิดประตูลั่นกุญแจ ตีอกชกหัวอยู่คนเดียว แม้ใครจะปลอบใยน ก็ไม่ยอมคลายความเศร้าโศก ซึ่งนิสัยประหลาดแบบนี้ แม้แต่เจ้าตัวของคนกรุ๊ปเลือด เอบี เองก็ให้คำอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะเหตุใดกันแน่ และเพราะความไม่เข้าใจตัวเองนี่แหละที่ทำให้บางครั้งก็เกิดปัญหา เช่น เขาไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ หรือความคิดของตนเองได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม คนเลือดกรุ๊ป เอบี ก็เป็นคนมีใจเมตตา เห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่นเสมอ และยินดีเสนอตัว เข้าช่วยแก้ปัญหาให้ แต่การช่วยเหลือของเขานั้น ออกจะน่ากลุ้มอยู่สักหน่อย คือเขาจะถือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ สมมติตัวเป็นเจ้าทุกข์ หรือเจ้าของปัญหาเสียเอง เรียกว่าถ้าจะให้ช่วยก็ยินดี แต่ต้องช่วยด้วยวีธีของฉันนะ ในด้านอารมณ์นั้น คนเลือดกรุ๊ป เอบี จัดว่าเป็นบุคคลประเภทอารมณ์รุนแรง รักใครก็รักสุดขั้วหัวใจ เกลียดใครก็เกลียด เข้ากระดูกดำไปเลย แต่ถึงกระนั้น คนกรุ๊ปเลือด เอบี ก็มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ไม่น้อย เพราะเขามีสมองที่ปราดเปรื่อง สามารถประดิษฐ์ คิดค้นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะนำชื่อเสียงมาสู่เขาและวงศ์ตระกูลได้ แต่คนเลือดกรุ๊ป เอบี มักไม่ประสบความสำเร็จในการขอร้องใคร กล่าวคือ ถ้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือสักสิบครั้ง จะถูกปฎิเสธเสียเก้าครั้ง ทั้งนี้อาจจะเพราะ คนอื่นเขาเข็ดขยาด ในความไม่แน่นอนของแก ก็เลยขี้เกียจพาตัวเข้าไปข้องแวะด้วย ส่วนในด้านของความรักนั้น เนื่องจากคนกรุ๊ปเลือด เอบี ไม่ค่อยมีความจริงใจต่อเพศตรงข้ามเท่าใดนัก ความรักจึงไม่ค่อยยั่งยืนเท่าที่ควร







เจ้เล้ง.ดอนเมือง กทม.


เจ้เล้ง.ดอนเมือง กทม.
  • บริษัท เอ แอนด์ เจ บิวตี้โปรดักส์ จำกัด หรือ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า (ร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง) เป็นศูนย์รวมสินค้าจากต่างประเทศทั่วทุกมุมโลก มีสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดเครื่องสำอาง น้ำหอม ขนม อาหาร เครื่องดื่มและอีกมากมาย สินค้าเป็นของแท้มีคุณภาพและราคาถูกสุดๆ


ติดต่อเราได้ที่ Email : ranjaeleng@gmail.com
 โทร : 02-521-8811 ต่อ 423 


              นอกจาก ร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง เป็นศูนย์รวมสินค้าจากต่างประเทศทั่วทุกมุมโลกแล้ว เมื่อคุณมาจับจ่าย จะได้รับความสะดวกสบาย และความเป็นกันเอง เพราะบรรยากาศของร้านเจ้เล้งไม่เหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วไป มีความแตกต่างในเรื่องความหลากหลายของสินค้าที่ครบแต่พิเศษ


       ที่ตั้ง      






ตลาดนัดจตุจักร.กทม

   ตลาดจตุจักร.กทม   





  •               ตลาดนัดจตุจักร หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ JJ “ แหล่งค้าขายยอดฮิต ศูนย์รวมของคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติ มีร้านค้ากว่าเก้าพันร้านค้า ใน 27 โครงการ กับสินค้าสร้างสรรค์มากมาย หลากหลายไอเดีย ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายแฟชั่นทันสมัย หนังสือเก่าและใหม่ ของเก่าของสะสมหายาก งานฝีมือหัตถกรรม เซรามิค เบญจรงค์ สัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์สำหรับสัตว์ ต้นไม้และอุปกรณ์จัดสวน ของแต่งบ้าน งานศิลปะ และสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป อีกทั้งการแสดงต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแสดงความสามารถให้แก่ผู้เยือนได้ชื่นชมกันอย่างเพลินตา

  • ตลาดแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลมีนโยบายให้จัดตั้งตลาดนัดขึ้นในทุกจังหวัด สำหรับกรุงเทพนั้นได้เลือกสนามหลวงเป็นสถานที่จัดตลาดนัด แต่เพียงไม่ถึงปีทางราชการก็ย้ายตลาดนัด ไปอยู่ในพระราชอุทยานสราญรมย์แล้วจึงย้ายออกไปตั้งอยู่บริเวณสนามไชย และย้ายตลาดนัดกลับไปอยู่ที่สนามหลวงในปี พ.ศ. 2501
  • ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ได้มีนโยบายใช้สนามหลวงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดงานกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินย่านพหลโยธิน โดยการดำเนินการโดยนายเชาวน์วัศ สุดลาภา เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น จึงจัดที่ดินสวนจตุจักรด้านทิศใต้ให้แก่กรุงเทพมหานครเพื่อใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ และกรุงเทพมหานครได้ปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและขณะเดียวกันก็พยายามย้ายผู้ค้าจากสนามหลวงมาด้วย จนกระทั่งดำเนินการสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยใช้ชื่อว่าตลาดนัดย่านพหลโยธิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ตลาดนัดจตุจักรให้สอดคล้องกับสวนสาธารณะจตุจักรในบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน
  • ในปัจจุบัน ตลาดนัดสวนจตุจักรได้เปลี่ยนอำนาจการดูแลจากกรุงเทพมหานคร สู่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555 ซึ่งในเรื่องก็มีผู้ค้าขายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย








ฟูลมูนปาร์ตี้


   คนให้ความสนใจมาร่วมสนุกใน ฟูลมูน ปาร์ตี้ ของเกาะพงันในแต่ละเดือนประมาณ 10,000 คน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ในฟูลมูน ปาร์ตี้นั่นจะมีดีเจมากมายหลากหลายทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจและมาร่วมสร้างสีสันให้งานในค่ำคืนนี้ สนุก มันส์ อย่างสุดเหวี่ยง และมีทั้งคนที่เพนท์ตัวเองด้วยสียูวีที่เรืองแสง สนุก บ้า หลุดโลก ในงานจะมีการเปิดเพลงทุๆกแนว เพื่อเพิ่มสีสันและตอบสนองแก่นักเที่ยวทุกรสนิยม บริเวณชายหาดจะมีโต๊ะ เก้าอี้เล็กๆวางไว้ให้คุณและเพื่อนๆได้นั่งพบปะสังสรรค์กัน หรือบางคนอาจจะสนุกกับการพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆ ส่วนอาหารและเครื่องดื่มนั่นก็มีบริการให้คุณอย่างมากมายจากร้านที่อยู่ใกล้ๆบริเวณชายหาด  


ตารางวันที่มีฟูลมูนปาร์ตี้.//
วัน
มค.
กพ.
มีค.
เมย.
พค.
มิย.
กค.
สค.
กย.
ตค.
พย.
ธค.
2012
08
07
08
06
05
05
03
04
01
30
30
28
25*
28
31*
2013
27
25
27
25
25
23
22
21
19
19
17
17 
25*
31*


Ramayana Water Park

  Ramayana Water Park  





Ramayana Water Park  พัทยา สวนน้ำใหญ่ยักษ์อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นแหล่งความบันเทิงแห่งใหม่ของเมืองพัทยา  ที่จะกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนให้พุ่งพล่าน กับเครื่องเล่นสวนสนุกอันแปลกใหม่เร้าใจ และเครื่องเล่นที่สามารถมันส์กันได้ทั้งครอบครัว อาทิ อะควาลูป (AquaLoop) เป็นเครื่องเล่นที่ได้รับรางวัลสไลด์เดอร์แบบวงรอบแนวดิ่งชนิดเดียวของโลก ซึ่งจะนำพาผู้เล่นสไลด์ดิ่งลงในแนวตั้งด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะหมุนวน 360 องศา นอกจากนี้ยังมี ดูเอลลิ่ง มาสเตอร์ บลาสเตอร์ (Dueling Master Blasters) เครื่องเล่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นแข่งขันกันเองบนรางของสไลด์เดอร์ที่มีถึง 3 ราง ซึ่งรางได้ถูกออกแบบให้มีระดับสูงต่ำไปตามภูมิประเทศ เป็นต้น ภายใต้การตกแต่งในแนวคิดจากเรื่อง รามายณะ (รามเกียรติ์)ที่รับรองว่าคุณจะได้ทั้งความตื่นเต้นและความสนุกกลับไปอย่างแน่นอน



ทัชมาฮัล

  ทัชมาฮัล 





  • ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุลผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ชึ่งต่อมาคือสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน พระราชสมภพในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) พระบิดา คือ สมเด็จพระจักรพรรดิชะฮันคีร์ จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์โมกุล ตามตำนานกล่าวว่า พระองค์ได้พบกับอรชุมันท์พานุ เพคุมธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักนาง เจ้าชายขุร์รัมจึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปีและบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรีของรัฐมนตรี พิธีเสกสมรสถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น 5 ปี เมื่อพ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) จากนั้นมาทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันอีกเลย
      • หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล "อัญมณีแห่งราชวัง" พระมเหสีติดตามพระองค์แม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ และพระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันโศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์
  • พระองค์ถูกกักขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตามตำนานกล่าวว่าให้วันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระองค์ถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างพระมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม มีบางคนกล่าวว่าสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังร่วมกับประมเหสี แต่พระองค์มีแผนการที่จะสร้างสุสานอีกแห่งด้วยหินอ่อนสีดำ เพื่อเป็นสุสานของพระองค์ แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าพระองค์ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัซ มาฮาล



โคลอสเซียม

  โคลอสเซียม  

โคลอสเซียม (Colosseum), ประเทศอิตาลี
ราวปี ค.ศ. 7080



  • สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม  ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี โดยเริ่มต้นสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียน (ราวปี ค.ศ. 72) และเปิดใช้งานในสมัยจักรพรรดิตีตุส (ราวปี ค.ศ. 80) แต่การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี
  •  อัฒจันทร์ทรงรีซึ่งก่อด้วยอิฐและหินทรายนี้มีความยาวโดยรอบประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร จุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน  ด้านล่างมีห้องใต้ดินสำหรับขังสัตว์ป่า  เช่น สิงโต  หรือนักโทษประหารซึ่งจะปล่อยออกมาต่อสู้กัน  อันเป็นความบันเทิงที่คนในยุคหลังมองว่าโหดร้าย



           โคลอสเซียมมีการออกแบบที่ชาญฉลาด  โครงสร้างรูปวงรีช่วยให้ผู้ชมสามารถชมการแข่งขันได้โดยไม่มีจุดอับ  และให้ความรู้สึกราวกับได้สัมผัสนักกีฬาอย่างใกล้ชิด  ขณะที่ระบบระบายน้ำช่วยม่ให้น้ำท่วมขังเวลาฝนตก  ถือเป็นต้นแบบสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน  บางครั้งเรียกว่า โคลีเซียม (Coliseum)  ทุกวันนี้ยังมีโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ และเป็นโบราณสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
  • ชื่อโคลอสเซียมมาจากคำว่า โคลอสซัส อันหมายถึง รูปปั้นจักรพรรดิเนโรความสูง 40 เมตรที่อยู่ใกล้ๆ
  • โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาที่เปิดให้ให้ชาวโรมันเข้าชมการต่อสู้อย่างถึงเลือดถึงเนื้อระหว่างสัตว์ป่ากับสัตว์ป่า  หรือสัตว์ป่ากับคน  รวมทั้งการต่อสู้ระหว่างคนกับคน ที่เรียกว่า แกลดิเอเตอร์ ซึ่งหลายคนเป็นทาส  เชลย  และนักโทษประหารที่ต้องลงสนามอย่างไม่เต็มใจ
  • โคลอสเซียมมีการใช้งานนานถึง 450 ปี โดยมีการปรับปรุงซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลายครั้ง  เนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น  แผ่นดินไหว รวมทั้งเพลิงไหม้เนื่องจากฟ้าผ่าในปี ค.ศ. 217
  • บันทึกการต่อสู้ของแกลดิเอเตอร์ครั้งสุดท้ายปากฎในปี 404  เนื่องจากจักรพรรดิโฮโนเรอัสทรงสั่งห้ามการต่อสู้ดังกล่าวในปี 405  ส่วนบันทึกการต่อสู้ของสัตว์ป่าครั้งสุดท้ายมีขึ้นในปี 523 และเหตุผลหลักที่ทำให้กิจกรรมต่างๆในโคลอสเซียมซบเซาเนื่องจากเกิดปัญหาการเงินและการทหารของจักรวรรดิโรมัน
  • ประตูทางเข้าทั้ง 80 บานนั้นมีหมายเลขกำกับ  ยกเว้นบานหนึ่งซึ่งอยู่ด้านมอนเตออปปีโอ  ประตูไร้หมายเลขบานนี้มีสภาพที่เรียกว่าค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุด



เปตรา


  •  เปตรา




นครศิลาสีชมพู ที่ซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา ริมทะเลทรายอาหรับของจอร์แดน  ถูกทิ้งร้างกว่า 700 ปี  ก่อนที่โยฮันน์  ลุดวิก เบิร์กฮ่ร์คต์  นักสำรวจชาวสวิสจะเดินทางมาพบเมื่อปี 1812  สิ่งก่อสร้างที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันได้แก่  ถนนสายหลักที่ทอดขนานแม่น้ำวาดีมูซา  อาคารบ้านเรือน  วิหาร  สุสาน  และโรงละครหินครึ่งวงกลมซึ่งจุผู้ชมได้ 4,000 คน  องค์การยูเนสโกประกาศให้เปตราเป็นมรดกโลกเมือ่ปี 1985    แม้จะมีร่องรอยของชนชาติอื่นๆอาศัยอยู่ในเปตราก่อนหน้านี้  แต่ชาวนาบาเทียซึ่งเข้ามาตั้งรกรากระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอักบา เมื่อราวศตวรรษที่สองก่อนคริสต์ศักราช  คือผู้สร้างเมืองเปตรา  พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำที่มีอยู่ทั่วเมือง  ทำการค้า  เก็บค่าผ่านทาง  และเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้กองคาราวาน  จนกระทั่งมั่งคั่งพอที่จะสร้างอาณาจักรเป็นปึกแผ่น  รับอารยธรรมกรีกเข้ามาผสมผสาน  รู้จักสร้างบ้านเรือน  วิหาร  สุสาน  โรงละครขนาดใหญ่  ถนนหนทาง ไปจนถึงการสร้างรูปปั้น  ผลิตถ้วยโถโอชาม  อันเป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมในตะวันออกกลางที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่ง  และที่สำคัญที่สุด  ชาวนาบาเทียเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการชลประทานและการทดน้ำ  ซึ่งเห็นได้จากหลักฐาน เช่น ท่อลำเลียง  น้ำ  ทำด้วยดินเหนียว  เส้นผ่านศูนย์กลาง 7 นิ้ว

           เปตราเจริญรุ่งเรืองเนื่องจากเป็นแหล่งน้ำสำคัญกลางทะเลทราย  และตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าสำคัญสองสาย ทั้งเส้นทางสายตะวันออก-ตะวันตก  ที่เชื่อมระหว่างคาบสมุทรอาหรับกับอ่าวเปอร์เซียไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  และสายเหนือ-ใต้ ที่เชื่อมทะเลแดงกับกรุงดามัสกัสของซีเรีย  บันทึกของสตราโบ  นักภูมิศาสตร์ชาวกรีก บอกว่า เปตราเป็นตลาดขายสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก  ทั้งยางไม้หอม  กำยาน  เครื่องเทศ  ทองแดง  เหล็ก  เครื่องปั้นดินเผา  และผ้าย้อม  ล้วนลำเลียงผ่านเปตราทั้งสิ้น  แต่เมื่อเกิดเส้นทางการค้าใหม่ที่ปลอดภัยและสะดวกกว่า  เปตราก็เริ่มเสื่อมถอย  ก่อนถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ. 106  อีกทั้งแผ่นดินไหวเมื่อราวปี ค.ศ. 363 ก็ได้ทำลายอาคารและระบบชลประทานลง  หลังจากถูกมุสลิมยึดครอง  เปตราก็ค่อยเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน

          ในปี 1812 โยฮันน์ ลุดวิก เบิร์กฮาดต์  นักสำรวจชาวสวิส  ได้ผ่านไปพบหน้าผาอันใหญ่โตของเปตราและจดบันทึกไว้โดยไม่ได้ลงไปสำรวจ  ถึงแม้จะเป็นบันทึกเล็กๆ แต่เบิร์ฮาดต์ก็ถือเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้ไปเยือนเปตรา และนำนครที่ถูกลืมสู่สายตาชาวโลกอีกครั้งในหนังสือ Travels in Syria and the Holy Land ใช้ชื่อผู้แต่งว่า John Lewis Burckhardt
 ขณะนี้การสำรวจทางโบราณคดี ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ ยังคงดำเนินอยู่







มาชูปิกชู

- มาชูปิกชู



  • มาชูปิกชู (เกชัว: Machu Picchu) หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภายนอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อ ไฮแรม บิงแฮม เมื่อ พ.ศ. 2454 มาชูปิกชูเป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิกชูให้เป็นมรดกโลก โดยทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์
  • 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 มาชูปิกชูได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
  • มาชูปิกชู คาดว่าสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา มาชูปิกชู ถูกปล่อยทิ้งไว้นับร้อยปี เพราะชาวสเปนรบชนะเปรูแล้วก็ฆ่าคนเปรูและคนอินคา เมืองอินคาเลยถูกปล่อยร้างไว้แล้วก็มีกคนเข้าไปพบเมืองร้างแห่งนี้แล้วแพร่ข่าวไปทั่วโลก


  • มาชูปิกชูตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุสโกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตรบนยอดของทิวเขามาชูปิกชู ที่ระดับ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญยิ่งทางโบราณคดีของอเมริกาใต้ และเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่มาเยือนประเทศเปรูจากยอดเขา ณ หน้าผามาชูปิกชู เป็นหน้าผาที่มีลักษณะดิ่งชันสูงถึง 600 เมตรจากฐานที่เป็นแม่น้ำคือ แม่น้ำอารูบัมบา ที่ตั้งของตัวเมืองนับเป็นความลับทางการทหารก็เนื่องจากการเป็นหน้าผาสูงชันที่มีอันตรายที่เป็นปราการป้องกันธรรมชาติอันยอดเยี่ยมนั่นเองในปี พ.ศ. 2546 มีผู้คนประมาณ 400,000 คน ไปท่องเที่ยวที่มาชูปิกชู และยูเนสโกได้ส่งข้อความสารแสดงถึงความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่ไปเป็นจำนวนมาก แต่ทางผู้มีอำนาจของทางเปรูบอกว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ถึงอย่างไรการคัดค้านนั้นทำให้มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ที่ไปเที่ยวชมและจำกัดจำนวนผู้เช้าชม และได้มีการเสนอให้ติดตั้งรถกระเช้า แต่ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธอยู่ตลอดและดูไม่มีทางจะเป็นไปได้ทุกที

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

กำแพงเมืองจีน

       


 


  •            กำแพงเมืองจีนถือกันว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีระยะทางยาวกว่า 7,000 กิโลเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างในกิจการป้องกันทางการทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลกสมัยโบราณ เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก งาน สร้างสรรค์กำแพงเมืองจีนเริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช ผู้ปกครองของจีนในสมัยโน้นได้สร้างกำแพงเมืองเชื่อมป้อมและป้อมไฟสัญญาณแจ้งเหตุในเขตชายแดนเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติส่วนน้อยในภาคเหนือ ถึงสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ของจีนพากัน แย่งชิงความเป็นใหญ่ เกิดสงครามระหว่างกันไม่ขาดสาย จึงได้สร้างกำแพงเมืองตามเทือกเขาใน เขตชายแดนเพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้าม ถึงปี 221 ก่อนคริสต์ศักราชจักรพรรดิจิ๋นซีได้รวมจีนเข้าเป็นเอกภาพและได้เชื่อมกำแพงเมืองในแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติ ส่วนน้อยแถบทุ่งหญ้าอันกว้างไพศาลในมองโกเลีย กำแพงเมืองจีนในสมัยนั้นมีระยะทางยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร หลังจากนั้น ผู้ปกครองของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้สร้างกำแพงเมืองจีนต่อจนมี ระยะทางยาวกว่า 10,000 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลากว่า 2000 ปี ผู้ปกครองของจีนในสมัยต่าง ๆ ต่างก็เคยสร้างกำแพงเมืองมากบ้างน้อยบ้าง รวม ๆ แล้วมีระยะทางยาวกว่า 50000 กิโลเมตร  ซึ่งสามารถล้อมโลกได้เกิน 1 รอบ

  •            โดยทั่วไปแล้ว กำแพงเมืองจีนในปัจจุบันหมายถึงกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 -ค.ศ.1644)ระหว่างด่านเจียอี้กวนในมณฑลกันซู่ทางภาคตะวันตกถึงริมฝั่งแม่น้ำยาลู่ในมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ผ่าน 9 มณฑล นครและเขตปกครองตนเอง ของจีนโดยมีระยะทางยาวรวม 7300 กิโลเมตร เท่ากับ 14000 กว่าลี้ จึงได้ชื่อว่า กำแพงหมื่นลี้โดยทั่วไปแล้ว ด้านนอกของกำแพงเมืองจีนก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่และแกนหินข้างในถมด้วยดินเหลืองและเศษหิน ความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงเมืองจีนกว้าง 4 ถึง 5 เมตร ให้ม้า 4 ตัวไปพร้อมกันได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายทหาร ขนส่งอาหารและอาวุธยามศึก ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินไว้ การขึ้นลงสะดวกมาก ทั้งได้สร้างป้อมและป้อม จุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุเป็นช่วง ๆ ป้อมเป็นที่เก็บอาวุธ อาหารและที่พักของทหาร ยามศึก ก็จะใช้เป็นที่กำบังได้ ถ้ามีศัตรูรุกเข้ามา ก็จะจุดไฟสัญญาณให้มีควันขึ้นบนป้อมแจ้งเหตุเพื่อส่งข่าว ไปยังทั่วประเทศทันที


  •            ปัจจุบัน กำแพงเมืองจีนไม่มีสมรรถนะในการใช้เป็นป้อมรับศึกอีกแล้ว แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในฐานะสถาปัตยกรรมอันสง่างามอย่างหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษกำแพงเมืองจีนมีความหมายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและคุณค่าทางการท่องเที่ยวอย่างสูง  ผู้คนในจีนซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างประเทศแม้กระทั่งผู้นำต่างประเทศด้วยมักจะกล่าวกันว่า ถ้า ไม่ได้ขึ้นกำแพงเมืองจีนก็ไม่ใช่ผู้กล้า กำแพงเมืองจีนหลายช่วงที่ได้รับการอนุรักษ์ค่อนข้างดี เช่น ป๋าต้าหลิ่ง ซือหม่าไถ มู่เถียนอี้ ด่านซานไห่กวน และด่านเจียอี้กวน เป็นต้นต่างก็เป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวกันสม่ำเสมอตลอดทั้งปีเมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในฐานะที่เป็น สัญลักษณ์ของประชาชาติจีน
@peeeepare